กรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) เป็นภาวะที่กรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะไหลย้อนกลับมาในหลอดอาหาร จนทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร โดยผู้ป่วยจะรู้สึกแสบร้อนกลางอก เรอเปรี้ยว และคลื่นไส้ ซึ่งสาเหตุสำคัญหนึ่งมาจากพฤติกรรมการกินอาหารที่ไม่ถูกต้องและการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในสภาพสังคมปัจจุบัน หากปล่อยให้เกิดอาการเรื้อรังและรักษาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง อาจนำไปสู่การเกิดหลอดอาหารอักเสบ แผลที่หลอดอาหาร หรือหลอดอาหารตีบ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหลอดอาหารได้ แม้โอกาสเกิดจะไม่มากนักก็ตาม

โรคกรดไหลย้อนปล่อยไว้เป็นมะเร็งได้จริงหรือ? มาฟังคำตอบจาก อ.พญ.นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยาคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายเรื่องกรดไหลย้อนนี้กัน

    กรดไหลย้อนลงกล่องเสียงนั้น จะทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังบริเวณหลอดอาหาร บริเวณกล่องเสียง ช่องคอได้  ซึ่งถ้าหากมี การอักเสบเรื้อรังไปนาน ๆ จะทำให้เซลล์บริเวณเยื่อบุผิวมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร และมะเร็งกล่องเสียงได้

    สาเหตุของโรคการไหลย้อน พฤติกรรมการทานอาหารและการดำเนินชีวิตก็มีผลทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้ อาทิ การดื่มน้ำชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารไขมันสูง ช็อกโกแลต สุรา รวมทั้งการสูบบุหรี่ 

    การรักษา นั้นมีการใช้ยาและปรับพฤติกรรมการทานอาหาร คือ ทานอาหารกากใย เช่น ผัก และต้องควบคุมอาหาร เช่น พวกอาหารที่มีรสเผ็ด น้ำอัดลม ของมัน  แอลกอฮอล์ กาเฟอีน เช่น กาแฟ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อเย็นปริมาณมาก และไม่ควรนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร โดยรออย่างน้อย 3 ชั่วโมง

    การดูแลตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นและการเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้องจะช่วยให้เราห่างไกลกรดไหลย้อนและลดโอกาศเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งในหลอดอาหารได้